Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
## ซื้อขายหุ้นไม่รู้เรื่องอุปสงค์ อุปทานคือแหล่ธลาย? มาเข้าใจ ความหมาย ของพลังที่ขับเคลื่อนราคา
ราคาหุ้นขึ้นลงอยู่เพราะอะไร? ถ้าคุณยังตอบไม่ได้ แสดงว่าคุณพลาดไป ตัวสำคัญของเกมตลาด - **อุปสงค์ อุปทาน** (Supply & Demand)
นี่ไม่ใช่เรื่องที่มีแค่เศรษฐศาสตร์บทเรียนเท่านั้น มันเป็นสมการพื้นฐานที่ครอบงำการเคลื่อนตัวของสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาดการเงิน - จากหุ้น ไปจนถึงคริปโต
## อุปสงค์ อุปทาน - ความหมาย คืออะไรจริง ๆ?
บอกตรง ๆ ว่า **อุปสงค์ ความหมาย** คือ "ของมีราคา" ที่ปรากฏชัด ตอนที่มีคนอยากซื้อขายสิ่งสินค้า
- **อุปสงค์ (Demand)** = ความต้องการซื้อ คืออำนาจการซื้อของผู้ลงทุน
- **อุปทาน (Supply)** = ปริมาณสินค้าที่เสนอขาย คือแรงขายที่อยู่ในตลาด
ตัวอย่างง่าย ๆ: ถ้าทุกคนอยากซื้อหุ้น ABC แต่มีหุ้นขายน้อยมากเท่านั้น ราคา ABC ก็จะพุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ตรงกันข้าม ถ้าหุ้น XYZ มีคนขายเพียบแต่ไม่มีใครสนใจซื้อ ราคา XYZ ก็จะดิ่งลงหมดใจ
## กฎแห่งอุปสงค์ อุปทาน - เข้าใจแบบชาวบ้าน
### กฎอุปสงค์: เมื่อราคาลง ความต้องการขึ้น
ที่ราคาต่ำ คนเยอะจะเข้าซื้อ - ตรรมชาติมนุษย์นี่แหละ เมื่อราคาแพงขึ้น พวกนั้นก็หดตัวไป
**ผลโดยตรง 2 นัย:**
1. **ผลรายได้**: ราคาลดลง → กระเป๋ากว้างขึ้น → ซื้อได้มากขึ้น
2. **ผลการทดแทน**: ราคาลดลง → สินค้านี้ดูเสียวกว่าอันอื่น → คนเปลี่ยนมาซื้ออันนี้
### กฎอุปทาน: ราคาสูง ผู้ขายใจดีขาย
ตรงข้ามเลย - ราคาดีก็มีแรงจูงใจให้คนนำสินค้าออกมาขาย ราคาแย่ก็เก็บไว้ในตัก
## ปัจจัยที่จริง ๆ ส่งผลต่ออุปสงค์ อุปทาน ในตลาดการเงิน
### ฝั่งอุปสงค์ - เหตุใดคนถึงอยากซื้อ?
**1) ลมหายใจของเศรษฐกิจ**
เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ธนาคารไม่คุ้ม คนก็รุดเข้าตลาดหุ้นหาผลตอบแทน อุปสงค์พุ่งขึ้นเลย
**2) สภาพคล่องน้อย**
เงินเยอะในระบบ → คนมี "ความสามารถ" ซื้อ → อุปสงค์ปึ่ง
**3) ความเชื่อมั่นผู้ลงทุน**
เศรษฐกิจดู "โอเค" ข่าวดี → ใจดี ซื้อ ข่าวร้าย → ตัวขึ้น ขาย
### ฝั่งอุปทาน - เหตุใดจึงมีการขาย?
**1) นโยบายของบริษัท**
บริษัทซื้อหุ้นคืน → อุปทานลด ราคาขึ้น ┃ บริษัทเพิ่มทุน → อุปทานเพิ่ม ราคาลด
**2) IPO มาใหม่**
บริษัทเข้าตลาด ครั้งแรก → หุ้นเพิ่มพูนในตลาด → ปกป้องราคา (ระยะสั้น)
**3) ระเบียบ กติกา**
ข้อจำกัดการขายของผู้ถือหุ้นใหญ่ (Silent Period) → จำกัดการขาย
## อุปสงค์ อุปทาน VS ราคาหุ้น - ลงไปลึกในเทคนิค
ขี้เกียจแนวทางพื้นฐาน แค่รู้ "ข่าวดี-ข่าวร้าย" สำหรับผู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือไว้วัด "แรงจริง" ของอุปสงค์อุปทาน
### 1. Price Action และแท่งเทียน - บอกเรื่องหมด
**แท่งเทียนสีเขียว** (ราคาปิด > ราคาเปิด) = ผู้ซื้อชนะ อุปสงค์แข็ง ราคายังขึ้นต่ออีก
**แท่งเทียนสีแดง** (ราคาปิด < ราคาเปิด) = ผู้ขายชนะ อุปทานแข็ง ราคาจะลงต่อ
**โดจิ** (เปิด-ปิด = แนวเดียว) = วุ่นวายอยู่นี่! ไม่รู้เป็นไร ต่อไปต้องเฝ้ารอ
### 2. แนวโน้มราคา - ใครชนะชัด ๆ?
**ขาขึ้นต่อเนื่อง** = ราคาทำจุดสูงใหม่ บ่อย ๆ → อุปสงค์ครอบงำ ยังขึ้นต่อ
**ขาลงต่อเนื่อง** = ราคาทำจุดต่ำใหม่ บ่อย ๆ → อุปทานครอบงำ ยังลงต่อ
**ราคาตัง** = ไม่ไปไหน บ้ปะทะกันอยู่ → รอโอกาส
### 3. Support & Resistance - ศูนย์รวมแรง
**แนวรับ (Support)** = ที่หยุดสินค้า มีคนอยากซื้อที่นี่
**แนวต้าน (Resistance)** = ที่ยากจะทะลุ มีคนอยากขายที่นี่
## Demand Supply Zone - เทคนิคที่เห็นชัด
เทคนิคนี้ไม่ได้ยุ่งไปกับสมการ แค่มองหาเมื่อใด **ราคากระเทือก** กำลังไปหาศูนย์กลางใหม่
### ฉากหนี - กลับตัว Reversal
**DBR (Drop-Base-Rally)** = ราคาดิ่งเรื่อย ๆ → หยุดพักตัว → กลับขึ้นมา
คนขายหมดแรงแล้ว คนซื้อกลับมาชนะ สัญญาณซื้อ!
**RBD (Rally-Base-Drop)** = ราคาปืงเรื่อย ๆ → หยุดพักตัว → กลับลงมา
คนซื้อหมดแรงแล้ว คนขายกลับมาชนะ สัญญาณขาย!
### ฉากวิ่งต่อ - ติดแนว Continuation
**RBR (Rally-Base-Rally)** = ขึ้น → พักนิด → ขึ้นต่อ
อุปสงค์ยังแข็ง ไม่ยอม ลงไปต่อ
**DBD (Drop-Base-Drop)** = ลง → พักนิด → ลงต่อ
อุปทานยังแข็ง ไม่ยอม ขึ้นไป ต่อ
## วิธีใช้ Demand Supply Zone เทรด - เข้าง่าย ออกได้
1. **หากาจุดที่ราคา "วิ่งแรง"** - ลบเลบ ขึ้นหรือ ลงปีกแตก
2. **มอง "การหยุด"** - ราคากำลังซื้อขายกัน ยังไม่ออกไปไหน
3. **รอการเบรค** - ทะลุ Support หรือ Resistance
4. **เข้า ทำ + ตั้ง Stop Loss** - อันนี้สำคัญมาก อย่าลืม!
## สรุป - ทำไมอุปสงค์ อุปทาน ถึงสำคัญ?
**ถ้าคิดว่าราคาหุ้นขึ้นลงสุ่มเสี่ยง คุณผิด** - มันเป็นศิลปะ ของการเห็นว่า "ใครชนะอยู่ตรงนี้" และเดิมพันตามนั้น
การเรียนรู้ ความหมาย ของอุปสงค์ อุปทาน ไม่เพียงช่วยให้เข้าใจตลาด แต่ยังเปิดประตูสู่การเทรดที่มีหลักการ - ไม่ใช่เพียงแค่เดาเสี่ยง
เริ่มจากการสังเกตแท่งเทียน มองแนวต้านรับสัก 2-3 เดือน ก็จะเห็นภาพชัด ตลาดไม่โกหก มันบอกเรื่องให้ฟังตลอด ถ้าเรารู้จักฟัง